วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา

สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล อยู่ติดกับมหาวิทยาลัยบูรพา ก่อนถึงชายหาดบางแสน มีเนื้อที่ 30 ไร่ ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม ซึ่งมีสัตว์ทะเลนานาชนิดจัดแสดงไว้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจและห้องปฏิบัติการวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเล พิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นลำดับจนไม่สามารถขยายออกไปได้อีก ทั้งนี้เนื่องจากตัวอาคารมีขนาดจำกัดและไม่ได้ออกแบบไว้สำหรับการนี้โดยตรง เพื่อเป็นการขยายกิจการของพิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มให้กว้างขวางยิ่งขึ้นกว่าเดิมทางมหาวิทยาลัยโดยการนำของ ดร.ทวี หอมชงและคณะ 
สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลให้บริการด้านความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลแก่บุคคลทั่วไปในรูปแบบหลักๆ 2 แบบ คือ สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม และพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล
นอกจากนี้ยังมีการให้บริการด้านวิชาเพื่อเป็นการให้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลแก่เยาวชนและบุคคลทั่วไปโดยการออกไปจัดนิทรรศการในที่ต่างๆ การจัดการฝึกอบรม และการจัดสัมมนาวิชาการ เป็นต้น ซึ่งสามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้
สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม
เป็นส่วนที่จัดแสดงเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตและความเป็นอยู่ของสัตว์ทะเลชนิดต่างๆที่อาศัยอยู่ในเขตน่านน้ำของไทย โดยทรัพยากรที่ใช้ในการให้ความรู้คือสิ่งมีชีวิตในทะเลชนิดต่างๆทั้งพืชและสัตว์ที่ยังมีชีวิต โดยสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะถูกเลี้ยงในระบบน้ำหมุนเวียนแบบปิดที่มีระบบยังชีพสำหรับให้สิ่งมีชีวิตต่างๆเหล่านี้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ในแต่ละตู้มีการจัดสภาพให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด แต่ละตู้จะมีป้ายเพื่อบ่งบอกชนิดสัตว์ทะเลที่อยู่ในตู้ทั้งชื่อสามัญและชื่อทางวิทยาศาสตร์
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของ อาคารสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล เป็นส่วนที่จัดแสดงให้ในรูปแบบของนิทรรศการ ดังนั้นทรัพยากรที่ใช้ในการจัดแสดงจะเป็นรูปแบบนิทรรศการที่ประกอบด้วยแผ่นข้อมูล ตัวอย่างสิ่งมีชีวิตในทะเลที่ทำการเก็บรักษาด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ตัวอย่างที่ดองด้วยน้ำยาฟอร์มาลิน ตัวอย่างแห้ง ตัวอย่างสัตว์สตั๊ฟ เป็นต้น โดยการจัดแสดงแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่
ส่วนแรก จัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เกี่ยวกับพระราชกรณีกิจทางด้านการฟื้นฟู อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และด้านวิทยาศาสตร์การประมง
ส่วนที่สอง จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเรื่องราวของทะเล ระบบนิเวศ และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเล รวมทั้งความสำคัญของทะเลที่มีต่อมนุษย์ ดังมีรายละเอียดดังนี้
1. นิทรรศการเรื่องราวของอาณาจักรของสิ่งมีชีวิตในทะเล โดยให้ความรู้ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆที่อาศัยอยู่ในทะเล คือ แพลงก์ตอนซึ่งมีบทบาทสำคัญของห่วงโซ่อาหารในทะเล สาหร่าย และหญ้าทะเล ฟองน้ำ สัตว์ที่มีโพรงลำตัว เช่น ปะการัง ดอกไม้ทะเล แมงกะพรุน เป็นต้น สัตว์จำพวกหนอนทะเล เช่น หนอนตัวแบนหนอนปล้อง หนอนริบบิ้น เป็นต้น สัตว์จำพวกหอย เช่น หอยฝาเดียว หอยฝาคู่ หมึก และหอยงวงช้าง เป็นต้น สัตว์ที่มีข้อปล้องในทะเล เช่น ปู กุ้ง กั้ง และแมงดาทะเล เป็นต้น สัตว์จำพวกคอร์เดทในทะเล เช่น เพรียงหัวหอม แอมฟิออกซัส และสัตว์ทะเลที่มีกระดูกสันหลัง ชนิดต่างๆ ได้แก่ ปลาทะเล โลมา พะยูน เต่าทะเล และจระเข้น้ำเค็ม รวมทั้งเรื่องราวของทะเล และสิ่งมีชีวิตในทะเลยุคดึกดำบรรพ์ เป็นต้น
2. นิทรรศการเรื่องราวของทะเล และระบบนิเวศในทะเล ในส่วนนี้จะกล่าวถึงการแบ่งเขตของทะเล และระบบนิเวศต่างๆในทะเล รวมทั้งพืช และสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่ในแต่ละระบบนิเวศ โดยเริ่มตั้งแต่ ระบบนิเวศของป่าชายเลน ระบบนิเวศหาดหิน ระบบนิเวศหาดทราย และหาดโคลน ระบบนิเวศแนวปะการัง เป็นต้น นอกจากนี้ยังจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของทะเลที่มีต่อมนุษย์ เช่น เป็นแหล่งทำการประมงโดยใช้เครื่องมือประมงทะเล เช่น โป๊ะ และเรือประมงทะเลชนิดต่างๆ เป็นเส้นทางค้าขาย และเดินทางติดต่อกันของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งต้องพบกับอุปสรรคนานาประการจากคลื่น ลม และพายุ จนทำให้เรืออัปปางเกิดเป็นเรื่องราวของการขุดค้น และศึกษาโบราณคดีใต้น้ำเป็นต้น
3. นิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของทะเลที่มีต่อมนุษย์ เป็นส่วนที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของทะเลที่มีต่อมนุษย์ เช่น เป็นแหล่งทำการประมงโดยใช้เครื่องมือประมงทะเล เช่น โป๊ะ และเรือประมงทะเลชนิดต่างๆ เป็นเส้นทางค้าขาย และเดินทางติดต่อกันของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งต้องพบกับอุปสรรคนานาประการจากคลื่น ลม และพายุ จนทำให้เรืออัปปางเกิดเป็นเรื่องราวของการขุดค้น และศึกษาโบราณคดีใต้น้ำเป็นต้น
4. ห้องพิพิธภัณฑ์เปลือกหอย และวิวัฒนาการของหอย ในห้องนี้จะจัดแสดงเกี่ยวกับเปลือกหอยที่พบในทะเลกลุ่มต่างๆ ได้แก่ ลิ่นทะเล หอยฝาเดียว หอยฝาคู่ หอยงวงช้าง และหอยงาช้าง เป็นต้น รวมทั้งนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับหอยแต่ละกลุ่ม วิวัฒนาการของหอยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และการแบ่งกลุ่มของหอยที่มีอยู่ในโลก
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ เวลา 08.30-16.00 น. วันหยุดราชการเปิดถึง 17.00 น. สาธิตดำน้ำให้อาหารปลาเวลา 14.30 น. วันหยุดเพิ่มรอบ 10.30 น.
อัตราค่าเข้าชม นักท่องเที่ยว ชาวไทย  ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท  ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่  180  บาท เด็ก 100  บาท  สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ โทร. 0 3839 1671-3
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสุขุมวิทผ่านแยกอ่างศิลา จตุจักรชลบุรี เลี้ยวขวามาทางเดียวกับบางแสน ตรงไปนิดเดียวจะเห็นสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลอยู่ทางซ้ายมือ
เบอร์ติดต่อ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ บางแสน) (038) 391671-3 ต่อ 184,126 ได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น.


ปลาอีรี
เจ้าปลาที่มีฟันแหลมคมเต็มปากนี้ได้กลายมาเป็นปีศาจแห่งฝันร้ายตัวใหม่สำหรับเด็กๆหลังจากที่ภาพยนตร์ดิสนีย์เรื่อง"Finding Nemo" เข้าฉาย (ตอนที่พ่อนีโมกับดอรี่ร่วงไปในทะเลลึกพร้อมกับหน้ากาดำน้ำและก็เจอแสงไฟจากเจ้านี้หลอกเอาอ่ะ)   เจ้าปลาหน้ากลัวนี้ล่อเหยื่อให้เข้ามาใกล้โดยใช้แสงจาก "คันเบ็ด" ที่งอกออกมาจากหัว   เหยื่อล่อของปลาที่จริงแล้วก็คือส่วนหนึ่งของกระดูกสันหลังที่เต็มไปด้วยแบคทีเรียเรืองแสง



ทากทะเลสั่นประสาท 
ทากทะเลที่อาศัยอยู่ตามพื้นทะเลนั้นมีมากมายหลายสีสันยังกะสีรุ้ง   ซึ่งสีเหล่านี้รวมถึงสีแดงเลือดพร้อมด้วยลายสีฟ้านีออนที่ทำให้เจ้ามอลลัสก์นี้ดูเหมือนกำลังลุกไหม้อยู่   ทากทะลาส่วนใหญ่นั้นเป็นสัตว์กินเนื้อที่มีขากรรไกรเต็มไปด้วยฟันแหลมๆเรียกว่า เรดุลล่า   ฟันเหล่านี้ถูกใช้เพื่อแทะเอาเนื้อออกมาจากปลาโชคร้ายที่ว่ายน้ำผ่านไป   ถึงแม้ว่าทากทะเลส่วนใหญ่นั้นมีความยาวน้อยกว่า 5 ซม.   บางสปีชีส์นั้นก็สามารถยาวได้ถึง 30.5 ซม.





ปลาไวเปอร์เขี้ยวดาบ

เจ้าปลาไวเปอร์นี้มีฟันรูปร่างเหมือนเข็มยาวๆและขากรรไกรล่างที่เปิด-ปิดเหมือนบางพับ   เจ้าสัตว์ประหลาดแห่งทะเลลึกเหล่านี้ชอบอยู่ในน่านน้ำอุ่นๆเขตร้อนซึ่งเป็นที่ๆพวกมันจะฝังเขี้ยวลึกลงไปในร่างกายของเหยื่อเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว

เม่นทะเลหนามแหลม
เจ้าสัตว์กลมๆตัวเล็กเต็มไปด้วยหนามนี้มีหนามแหลมเพื่อปกป้องร่างกายจากนักล่า   พวกมันมีสีดำ, น้ำตาล, ม่วง, แดงหรือเขียวมะกอก



ฉลามเมก้าเมาธ์ 
ฉลามเมก้าเมาธ์นั้นคือฉลามน้ำลึกหายากที่จะว่ายน้ำไปด้วยปากเปิดเพื่อกรองเอาปลาและคริลกิน   ปากใหญ่เว่อร์ของมันนั้นกว้างไปเลยหลังตาและเต็มไปด้วยฟันแหลมเล็กๆ 50 แถว



แตงกวาทะเลร้ายกาจ

ถึงแม้ว่าเจ้าแตงกวาทะเละเหมือนสัตว์ที่ใช้ชีวิตง่ายๆคลานไปทั่วพื้นทะเลอย่างช้าๆ   เจ้านี้ก็มีความลับดำมืดอยู่อย่างนึงซึ่งก็คือการปล่อยสารเคมีพิษชื่อโฮโลธูรินออกมาเมื่อโดนรบกวนหรือทำร้าย   ซึ่งสารเคมีนี้สามารถฆ่าหรือทำให้สัตว์แถวนั้นขยับร่างกายไม่ได้



ปลามังกรดำ
เจ้าสัตว์เรืองแสงที่หากินตามท้องทะเลนี้มีอวัยวะปล่อยแสงที่ตั้งอยู่ตามพุงซึ่งถูกเอาไว้ใช้หลอกนักล่าโดยการเปลี่ยนภาพเงาของตัวเอง   นอกจากนี้   เจ้าปลาน่าสยองขวัญก็ยังมี "ไฟฉาย" ตั้งอยู่ตรงตาทั้ง 2 ซึ่งถูกใช้ในการมองหาเหยื่อหรือส่งสัญญาณให้เพศตรงข้าม   ปลามังกรดำนี้เป็นปลาฟันแหลมซะขนาดที่ลิ้นก็มีฟันแหลมๆด้วย


สตาร์เกซเซอร์น่ากลัว

เจ้าปลาน่ากลัวนี้มีชื่อว่าสตาร์เกซเซอร์ (แปลได้ว่านักดูดาว) เพราะความที่มันมีลูกตาอยู่บนหัว   เจ้าปลานี้จะฝังร่างกายแบนๆของมันไว้ใต้ทรายและใช้ตาบนหัวทั้ง 2 ส่องดูรอบๆ   เจ้านี้จะฝังตัวอยู่ในทรายจนเวลาที่เหยื่อผ่านเข้ามา


ปลาไหลมอเรย์
เจ้าปลาหน้ากลัวมีฟันแหลมเต็มปากนั้นเหมาะสมที่เป็นเจ้าตัววายร้ายลูกสมุนของเออร์ซิลล่าในเรื่อง "Little Mermaid" จริงๆ


ซีโรบินติดเกราะ
เจ้าปลาซีโรบินสีแดงๆนี้สามารถพบได้ในน่านน้ำเขตร้อนลึกๆทั่วโลก   พวกมันมีเกล็ดแข็งๆและหนวดตรงคางเพื่อเอาไว้หลอกเหยื่อ


ปลาแฟงค์ทูธน่าสะพรึงกลัว 
เจ้านี้ได้ชื่อมาจากฟันยาวๆเหมือนฟันแวมไพร์   มันเป็นปลาน้ำลึกมากๆที่พบได้ในมหาสมุทร   เจ้านี้คือปลาที่มีฟันที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับขนาดร่างกาย   ถึงแม้ว่าปลาแฟงค์ทูธจะดูน่ากลัว   เจ้าปลาใกล้สูญพันธุ์นี้ก็มีความยาวแค่ 16 ซม.เท่านั้น


กุ้งฮาลโลวีน
เจ้ากุ้งพาราไซส์ที่เกาะติดแตงกวาทะเลและทากทะลานี้มีชื่อว่า Periclimenes imperator   มันมีสีส้มและม่วงที่มองดูแล้วเหมือนฟักทองในวันฮาลโลวีน


หมึกแวมไพร์
ถึงแม้ว่าเจ้านี้จะมีชื่อน่ากลัว   มันก็เป็นสัตว์ตัวกระจิ๋วที่ยาวแค่ 15.4 ซม.เท่านั้น   หมึกแวมไพร์นั้นได้ชื่อมาจากลูกเรืองแสงสีแดงและหนวดติดพังพืดที่ดูเหมือนผ้าคลุมผีดูดเลือด   เจ้านี้อาจจะดูเหมือนหมึกยักษ์และหมึกกล้วยรวมกัน   แต่ที่จริงแล้วมันคือฟอซซิลมีชีวิตที่แยกออกมาต่างหาก   เจ้านี้มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Vampyroteuthis infernalis ซึ่งแปลได้ว่า "หมึกแวมไพร์จากนรก"


ไอโซพอดยักษ์
เจ้าสัตว์ทะเลลึกนี้ไม่ใช่สัตว์สำหรับคนที่กลัวแมลงอย่างแน่นอน   ไอโซพอดยักษ์นั้นคือสัตว์มีกระดองญาติของกุ้ง, ปูและแมลงตามสวนอื่นๆที่อาศัยอยู่ตามพื้นสมุทร   เจ้านี้สามารถโตได้ถึง 40.6 ซม.



ปลาโลงศพ
เจ้าปลานี้มีสีสันสวยงามเหมือนใบไม้แห่งฤดูใบไม้ร่วงมากกว่าจะเป็นโลงศพ   พวกมันสามารถพบได้ตามพื้นทะเลและมักจะพักผ่อนโดยใช้ครีบเล็กเป็นขาตั้ง



แมงกระพรุนโครงกระดูก
แมงกระพรุนคริสตัลหรือ Aequorea นี้มีร่างกายใสแจ๋วและหนวดยาว 30.5 ซม.ที่ทำให้มันดูเหมือนผีลอยได้



แมงกระพรุนสีแดงเลือด
แมงกระพรุนสีแดงเลือดหรือ  Atolla wyvillei เป็นสัตว์น้ำลึกที่สามารถปล่อยแสงสีฟ้าน่าสะพรึงกลัวออกมาได้เมื่อโดนรบกวน   แสงที่เจ้านี้ปล่อยออกมาจากเป็นเหมือนวงล้อรอบร่างกาย



ปลาตีนลายจุด
ปลาตีนลายจุดหรือ Brachionichthys hirsutus คือปลาน้ำลึกใกล้สูญพันธุ์และหายากแห่งออสเตรเลย   มันมีครีบหน้าอกที่เหมือนกับแขนสั้นๆติดมือ   เจ้านี้สามารถว่ายน้ำหรือเดินไปตามพื้นทะเลได้ด้วยครีบเหล่านี้   แต่มันชอบที่จะเดินมากกว่า

9
10 อันดับอสูรกายใต้ทะเลที่มีอยู่จริง : 1.หมึกยักษ์ (Giant Squid)  คงเคยได้ยินตำนานปลาหมึกปีศาจแห่งน่านน้ำแถบมหาสมุทรแปซิฟิกกันมาบ้าง และเจ้าหมึกยักษ์นี้เป็นตำนานที่มีชีวิตจริงเสียด้วย ซึ่งอาจมีขนาดตัวโตได้มากกว่า 18 เมตร หนักได้มากกว่า 900 กิโลกรัม เมื่ออยู่ในทะเล หนวดยาว ๆ ที่มีปุ่มดูดของมันสามารถขึ้นมาพันม้วนจมเรือได้ทั้งลำอย่างง่ายดาย
1.หมึกยักษ์ (Giant Squid) คงเคยได้ยินตำนานปลาหมึกปีศาจแห่งน่านน้ำแถบมหาสมุทรแปซิฟิกกันมาบ้าง และเจ้าหมึกยักษ์นี้เป็นตำนานที่มีชีวิตจริงเสียด้วย ซึ่งอาจมีขนาดตัวโตได้มากกว่า 18 เมตร หนักได้มากกว่า 900 กิโลกรัม เมื่ออยู่ในทะเล หนวดยาว ๆ ที่มีปุ่มดูดของมันสามารถขึ้นมาพันม้วนจมเรือได้ทั้งลำอย่างง่ายดาย 
3
10 อันดับอสูรกายใต้ทะเลที่มีอยู่จริง : อันดับ 2 วาฬหัวทุย (Sperm Whales)  วาฬชนิดนี้ เป็นพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาวาฬทั้งหลาย ตัวโตเต็มวัยสามารถมีความยาวได้มากกว่า 18 เมตร และหนักได้ถึง 28 ตัน ลักษณะเด่นของมันคือส่วนหัวจะใหญ่มาก มีความยาวเกือบ 40% ของความยาวตลอดตัว เป็นวาฬที่สามารถดำน้ำได้ลึกที่สุด
อันดับ 2 วาฬหัวทุย (Sperm Whales) วาฬชนิดนี้ เป็นพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาวาฬทั้งหลาย ตัวโตเต็มวัยสามารถมีความยาวได้มากกว่า 18 เมตร และหนักได้ถึง 28 ตัน ลักษณะเด่นของมันคือส่วนหัวจะใหญ่มาก มีความยาวเกือบ 40% ของความยาวตลอดตัว เป็นวาฬที่สามารถดำน้ำได้ลึกที่สุด 
7
10 อันดับอสูรกายใต้ทะเลที่มีอยู่จริง : 3.ปูยักษ์ (Giant Crabs)  ปูยักษ์ในรูปนี้ ขนาดใหญ่สุดวัดความยาวได้ถึง 1.5 เมตร และหนักถึง 10 กิโลกรัม ลักษณะน่าเกรงขามเหมือนแมงมุมยักษ์แห่งท้องทะเลเลยทีเดียว
3.ปูยักษ์ (Giant Crabs) ปูยักษ์ในรูปนี้ ขนาดใหญ่สุดวัดความยาวได้ถึง 1.5 เมตร และหนักถึง 10 กิโลกรัม ลักษณะน่าเกรงขามเหมือนแมงมุมยักษ์แห่งท้องทะเลเลยทีเดียว 
1
10 อันดับอสูรกายใต้ทะเลที่มีอยู่จริง : 4.ปลาแองเกลอ หรือ ปลาปีศาจ (Anglerfish)  ปลาแองเกลอ เป็นหนึ่งในปลาที่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวที่สุด แถมยังอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุด นั่นคือ มันอยู่ในความมืดใต้ทะเลลึก เป็นปลาตระกูลเดียวกับปลาปีศาจครีบพัด แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่าคือ มีหงอนที่มีแสงติดอยู่ที่หัว เอาไว้ล่อเหยื่อในที่มืด ปลาชนิดนี้ตัวไม่ใหญ่เท่าไหร่ ตัวเมียมีขนาดประมาณ 25 เซนติเมตร (ไม่รวมหนวด) ส่วนตัวผู้ยาวแค่ 1.27 เซนติเมตร เรื่องที่น่าสยองนิด ๆ คือ เมื่อตัวผู้เจอตัวเมียมันจะใช้ปากเกาะกินเลือดตัวเมีย จนนานเข้ามันจะเสียความสามารถในการมองเห็น และถูกหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของตัวเมีย (โหตัวอะไรกันแน่เนี่ย…)
4.ปลาแองเกลอ หรือ ปลาปีศาจ (Anglerfish) ปลาแองเกลอ เป็นหนึ่งในปลาที่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวที่สุด แถมยังอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุด นั่นคือ มันอยู่ในความมืดใต้ทะเลลึก เป็นปลาตระกูลเดียวกับปลาปีศาจครีบพัด แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่าคือ มีหงอนที่มีแสงติดอยู่ที่หัว เอาไว้ล่อเหยื่อในที่มืด ปลาชนิดนี้ตัวไม่ใหญ่เท่าไหร่ ตัวเมียมีขนาดประมาณ 25 เซนติเมตร (ไม่รวมหนวด) ส่วนตัวผู้ยาวแค่ 1.27 เซนติเมตร เรื่องที่น่าสยองนิด ๆ คือ เมื่อตัวผู้เจอตัวเมียมันจะใช้ปากเกาะกินเลือดตัวเมีย จนนานเข้ามันจะเสียความสามารถในการมองเห็น และถูกหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของตัวเมีย (โหตัวอะไรกันแน่เนี่ย…) 
6
10 อันดับอสูรกายใต้ทะเลที่มีอยู่จริง : อันดับ 5 วาฬเพชฌฆาต (Killer Whales)  วาฬเพชฌฆาต ค่อนข้างเป็นสัตว์หน้าตาดี ดูน่ารัก แต่มันเป็นนักฆ่าที่***มโหดร้ายสมชื่อ และมีการโจมตีที่มีประสิทธิภาพมาก มันกินเนื้อปลา แมวน้ำ แม้กระทั่งฉลาม ก็เป็นเหยื่อของมันเช่นกัน ขนาดของวาฬเพชฌฆาตนี้ ตัวผู้มีความยาวได้ถึง 9 เมตร ส่วนตัวเมียเล็กกว่าคือ 7 เมตร แต่นั่นก็ถือว่าใหญ่โตพอที่จะเขมือบอะไร ๆ ก็ได้
อันดับ 5 วาฬเพชฌฆาต (Killer Whales) วาฬเพชฌฆาต ค่อนข้างเป็นสัตว์หน้าตาดี ดูน่ารัก แต่มันเป็นนักฆ่าที่***มโหดร้ายสมชื่อ และมีการโจมตีที่มีประสิทธิภาพมาก มันกินเนื้อปลา แมวน้ำ แม้กระทั่งฉลาม ก็เป็นเหยื่อของมันเช่นกัน ขนาดของวาฬเพชฌฆาตนี้ ตัวผู้มีความยาวได้ถึง 9 เมตร ส่วนตัวเมียเล็กกว่าคือ 7 เมตร แต่นั่นก็ถือว่าใหญ่โตพอที่จะเขมือบอะไร ๆ ก็ได้ 
2
10 อันดับอสูรกายใต้ทะเลที่มีอยู่จริง : 6.ปลาฟางทูธ (Fangtooths)  เจ้าปลาหน้าตาน่าเกลียดตัวนี้ แม้จะดูเหมือนสัตว์ประหลาด แต่ก็มีความยาวเพียงประมาณ 6 นิ้วเท่านั้น และมีศีรษะใหญ่ ฟันยาว เป็นความโชคดีที่คุณคงจะไม่เจอมันง่าย ๆ หรอก เพราะมันอาศัยอยู่ในน้ำลึกประมาณ 5,000 เมตร
6.ปลาฟางทูธ (Fangtooths) เจ้าปลาหน้าตาน่าเกลียดตัวนี้ แม้จะดูเหมือนสัตว์ประหลาด แต่ก็มีความยาวเพียงประมาณ 6 นิ้วเท่านั้น และมีศีรษะใหญ่ ฟันยาว เป็นความโชคดีที่คุณคงจะไม่เจอมันง่าย ๆ หรอก เพราะมันอาศัยอยู่ในน้ำลึกประมาณ 5,000 เมตร 
5
10 อันดับอสูรกายใต้ทะเลที่มีอยู่จริง : 7.หมึกวงฟ้า (Blue-ringed Octopus)  แม้ปลาหมึกวงฟ้าจะมีขนาดใหญ่ประมาณลูกกอล์ฟเท่านั้น แต่มันสามารถปล่อยพิษร้ายแรงที่สามารถฆ่ามนุษย์ได้ และยังไม่มียารักษาได้ ซึ่งพิษของมันนั้นร้ายแรงกว่าพิษงูเห่าถึง 20 เท่า ติดอันดับต้น ๆ ของสัตว์ทะเลที่มีพิษร้ายแรงที่สุดด้วย
7.หมึกวงฟ้า (Blue-ringed Octopus) แม้ปลาหมึกวงฟ้าจะมีขนาดใหญ่ประมาณลูกกอล์ฟเท่านั้น แต่มันสามารถปล่อยพิษร้ายแรงที่สามารถฆ่ามนุษย์ได้ และยังไม่มียารักษาได้ ซึ่งพิษของมันนั้นร้ายแรงกว่าพิษงูเห่าถึง 20 เท่า ติดอันดับต้น ๆ ของสัตว์ทะเลที่มีพิษร้ายแรงที่สุดด้วย 
8
10 อันดับอสูรกายใต้ทะเลที่มีอยู่จริง : อันดับ 8 ปลาดราก้อน (Dragonfish)  ปลาทะเลน้ำลึกชนิดนี้ นับเป็นนักล่าที่ค่อนข้างพิลึก ด้วยลักษณะลำตัวผอม ๆ หัวโต และฟันใหญ่แหลมคม แต่ทั้งตัวก็มีความยาวเพียง 15 เซนติเมตร มันหลอกล่อเหยื่อด้วยแสงไฟจากส่วนที่ยื่นออกมาใต้คาง
อันดับ 8 ปลาดราก้อน (Dragonfish) ปลาทะเลน้ำลึกชนิดนี้ นับเป็นนักล่าที่ค่อนข้างพิลึก ด้วยลักษณะลำตัวผอม ๆ หัวโต และฟันใหญ่แหลมคม แต่ทั้งตัวก็มีความยาวเพียง 15 เซนติเมตร มันหลอกล่อเหยื่อด้วยแสงไฟจากส่วนที่ยื่นออกมาใต้คาง 
10 อันดับอสูรกายใต้ทะเลที่มีอยู่จริง : 9.ปลาดึกดำบรรพ์ซีลาแคนท์ (Coelacanth)  ซีลาแคนท์ เป็นปลาโบราณ ที่เคยถูกคิดว่าสูญพันธุ์ไปตั้งแต่ 400 ล้านปีก่อนแล้ว แต่แล้วก็ถูกค้นพบอีกครั้งในปี 1938 ถูกตั้งฉายาว่า “ปลาที่ถูกกาลเวลาลืม”
9.ปลาดึกดำบรรพ์ซีลาแคนท์ (Coelacanth) ซีลาแคนท์ เป็นปลาโบราณ ที่เคยถูกคิดว่าสูญพันธุ์ไปตั้งแต่ 400 ล้านปีก่อนแล้ว แต่แล้วก็ถูกค้นพบอีกครั้งในปี 1938 ถูกตั้งฉายาว่า “ปลาที่ถูกกาลเวลาลืม” 
4
10 อันดับอสูรกายใต้ทะเลที่มีอยู่จริง : 10.ปลาหิน (Stonefish)  ปลาหิน เป็นปลาที่หน้าตาไม่น่ารักเลย แต่มันก็พรางตัวได้อย่างดีเยี่ยมบนพื้นทราย มองดูเหมือนก้อนหินที่ถูกปะการังปกคลุม แถมมันยังเป็นปลามีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก พิษของมันอยู่ที่หนามบนตัว มันไม่ออกล่าหรือจู่โจม แต่หากเหยื่อไปแตะต้องถูกตัวมัน จะได้รับพิษของมันทันที ว่ากันว่า หากคุณถูกพิษของมัน จะต้องได้รับความเจ็บปวดมากที่สุดเท่าที่จะสามารถเจ็บได้ จากนั้นจะเป็นอัมพาต และตายในที่สุด
10.ปลาหิน (Stonefish) ปลาหิน เป็นปลาที่หน้าตาไม่น่ารักเลย แต่มันก็พรางตัวได้อย่างดีเยี่ยมบนพื้นทราย มองดูเหมือนก้อนหินที่ถูกปะการังปกคลุม แถมมันยังเป็นปลามีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก พิษของมันอยู่ที่หนามบนตัว มันไม่ออกล่าหรือจู่โจม แต่หากเหยื่อไปแตะต้องถูกตัวมัน จะได้รับพิษของมันทันที ว่ากันว่า หากคุณถูกพิษของมัน จะต้องได้รับความเจ็บปวดมากที่สุดเท่าที่จะสามารถเจ็บได้ จากนั้นจะเป็นอัมพาต และตายในที่สุด                                                                                                                                                                               

สัตว์ทะเล
ทะเลไทยอันอุดมทะเลไทยเป็นทะเลน้ำอุ่น น้ำทะเลสีเขียวสวยเป็นประกายเมื่อต้องแสงแดดจัดจ้าตลอดทั้งปี ทะเลไทยแบ่งออกได้เป็นสองส่วน ได้แก่ อ่าวไทย ซึ่งเป็นอ่าวขนาดใหญ่ส่วนหนึ่ง กับทะเลอันดามันซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกของภาคใต้อีกส่วนหนึ่งอ่าวไทยอาจแบ่งออกได้เป็น ๒ ส่วน คือ อ่าวไทยตอนบนหรือก้นอ่าว มีรูปร่างเหมือนตัว ก ส่วนอ่าวไทยตอนล่างผายกว้างออกไปบรรจบกับทะเลจีนใต้ พื้นทะเลก้นอ่าวไทยตอนนอกโค้งเว้าเป็นแอ่งเหมือนก้นกระทะ โดยทั่วไปอาจถือได้ว่าอ่าวไทยเป็นอ่าวตื้น เพราะส่วนที่ลึกที่สุดประมาณ ๘๕ เมตร ก้นอ่าวไทยเป็นที่รวมของแม่น้ำสำคัญหลายสายมี แม่กลอง ท่าจีน เจ้าพระยา และบางปะกง แม่น้ำเหล่านี้พัดพาเอาน้ำจืด แร่ธาตุ และสารอินทรีย์จำนวนมหาศาลไหลมาลงทะเลด้วย ทำให้น้ำทะเลบริเวณก้นอ่าวไทยมีความเค็มต่ำ เป็นที่เกิดของแพลงตอนพืช ซึ่งเป็นอาหารของสัตว์ทะเลหลายชนิด ในอ่าวไทยจึงอุดมไปด้วยปลาที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจจำนวนมาก เช่น ปลาทู ซึ่งจะเวียนว่ายเข้ามาหากินเป็นฝูง ๆ ฝูงละนับพันนับหมื่นตัวเป็นประจำนอกจากปลาทูแล้ว ตามชายทะเลรอบอ่าวไทยซึ่งมีความยาวมากกว่าหนึ่งพันกิโลเมตร เคยมีป่าชายเลนมากมาย จึงเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของกุ้งทะเล กั้ง ปูทะเล ปูม้าหอยแครง หอยแมลงภู่ หอยกะพง หอยนางรม ปลากะพง ปลากุเรา และปลาอื่นๆอีกหลายชนิด  ส่วนทางด้านทะเลอันดามัน ชายฝั่งทะเลด้านนี้สั้นกว่าฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยประมาณสองเท่า ทะเลอันดามันเป็นทะเลเปิดและเป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรอินเดีย น้ำเค็มจัดพื้นท้องทะเลเป็นโคลน หิน และทราย ทะเลอันดามันได้ชื่อว่าเป็นทะเลที่มีแนวปะการังงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
มีอะไรในน้ำทะเล ถ้าเราไปที่หาดทรายชายทะเล เราจะรู้สึกว่าทะเลนั้นสวยงามแต่ดูลึกลับ อาจเป็นเพราะว่ากว้างใหญ่สุดคณานับ มองไปจนสุดสายตาก็ยังเห็นน้ำทะเลอยู่ไกลลิบๆ โดยทั่วไปน้ำทะเลมีขึ้นมีลงวันละสองเวลา แต่บางแห่งขึ้นลงเพียงวันละครั้ง หรืออาจจะปนกัน เมื่อน้ำทะเลขึ้น น้ำจะเอ่อสูงขึ้นๆ ทุกทีจนท่วมหาดทรายเกือบหมด น้ำขึ้นมาสูงจนถึงขอบฝั่ง จากนั้นระดับน้ำก็จะเริ่มลดลง เรียกว่าเป็นเวลาน้ำลง น้ำทะเลจะลดระดับต่ำลงๆ ไปทุกที หาดทรายที่เปียกชุ่มด้วยน้ำทะเลก็จะโผล่ขึ้นให้เห็นใหม่อีก เราอาจนึกไม่ถึงว่าข้างใต้พื้นทรายนี้มีสัตว์ทะเลใหญ่น้อยจำพวกหอย ปู กุ้ง และ หนอนทะเล อาศัยอยู่มากมาย
ส่วนประกอบของน้ำทะเล ในน้ำทะเลมีเกลือและแร่ธาตุหลายชนิดละลายปนอยู่ เกลือที่มีอยู่มากที่สุดคือ เกลือทะเล หรือเกลือแกง ซึ่งเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "โซเดียมคลอไรด์"  มีอยู่ในน้ำทะเลมากถึงร้อยละหกสิบ สารนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำทะเลมีรสเค็ม น้ำทะเลบางแห่งเค็มมาก เช่น น้ำกลางทะเลหลวง เป็นเพราะน้ำถูกแสงแดดเผาทำให้ระเหยเป็นไอไปเสียมาก บางแห่งเค็มน้อย เช่น น้ำทะเลแถวปากแม่น้ำ ซึ่งมีน้ำจืดจากแม่น้ำไหลลงมาปะปนอยู่ตลอดเวลา น้ำทะเลที่มีความเค็มต่ำมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำทะเลที่มีความเค็มสูง ดังนั้นน้ำจืดและน้ำกร่อยก็จะลอยอยู่เหนือน้ำทะเล เราจึง เห็นทะเลแถวปากแม่น้ำมีสีไม่เขียวจัดเหมือนสีของน้ำในทะเลหลวง นอกจากเกลือแกงหรือโซเดียมคลอไรด์แล้ว ยังมีเกลือที่เป็นปุ๋ยของพืช เช่น ไนเตรท ฟอสเฟต และ ซิลิเกต ซึ่งมีอยู่มากในน้ำทะเล สารเคมีสามชนิดนี้เป็นสารจำเป็นสำหรับพืชทะเลเพื่อการเจริญเติบโต ส่วนแร่ธาตุอื่นๆ กว่าร้อยชนิดมีอยู่อย่างละเล็กละน้อยเท่านั้น ทะเลเป็นที่รวมของเกลือและแร่ธาตุทุกชนิดที่มีอยู่บนผืนแผ่นดิน เกลือและแร่ธาตุต่างๆ เหล่านั้นมีแทรกปนอยู่ในหินหรือภายในภูเขา เมื่อถูกลมพายุพัดกระหน่ำก็แตกแยกผุพัง ไหลเลื่อนมารวมกันอยู่ในทะเล ก๊าซทุกชนิดในบรรยากาศของโลกมีละลายอยู่ในน้ำทะเลด้วยทั้งสิ้น ก๊าซออกซิเจนมีละลายอยู่เป็นปริมาณสูง และมีมากตามบริเวณพื้นผิวทะเล ออกซิเจนที่มากขึ้นนี้ ได้มาจากไฟโตแพลงตอนหรือแพลงตอนที่เป็นพืชซึ่งล่องลอยอยู่ที่ผิวทะเล นอกจากนั้นเมื่อเกิดพายุพัดทำให้น้ำทะเลปั่นป่วน ก็จะทำให้ออกซิเจนจากบรรยากาศละลายปนลงในน้ำทะเลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ในขณะเดียวกันน้ำก็จะระเหยจากทะเลเข้าไปในบรรยากาศแทนที่ออกซิเจน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซอีกชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในบรรยากาศ ก็มีละลายอยู่ในน้ำทะเลเช่นกัน พืชทะเลสีเขียวใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ละลายอยู่ในน้ำปรุงเป็นอาหาร ไม่แต่เท่านั้น ในน้ำทะเลยังมีอินทรียสารละลายปนอยู่ด้วย อินทรียสารเกิดจากสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเล เมื่อพืชและสัตว์ทะเลตายลง ซากของมันจะละลายปนอยู่ในน้ำทะเลหรืออาจจมลงสู่เบื้องล่าง แต่น้อยนักที่ซากเหล่านี้จะจมลงถึงก้นทะเล เพราะระหว่างทางจะถูกสัตว์ทะเลกินเป็นอาหารไปเสียก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อนานนับพันนับหมื่นปีเข้าก็จะมีซากของสิ่งมีชีวิตตกตะกอนอยู่ที่ก้นทะเลไม่
สัตว์ทะเลที่ชายหาด ชายฝั่งทะเลไทยส่วนใหญ่เป็นหาดทรายขาวสวยงาม เม็ดทรายละเอียดทรายเกิดจากหินที่ผุพังแตกออกเป็นชิ้นเล็กมาก ๆ ซึ่งเมื่อถูกคลื่นซัดขัดสีกันนานหลายพันปีก็กลายเป็นเม็ดทรายบริเวณหาดทราย ถ้ามองด้วยตาเปล่าจะดูคล้ายไม่มีสิ่งมีชีวิตเพราะไม่มีพืชขนาดใหญ่อยู่เลย แต่แท้ที่จริงข้างใต้ทรายบริเวณที่น้ำทะเลท่วมถึง มีสัตว์ทะเลจำนวนมากอาศัยอยู่ สัตว์ทะเลเหล่านี้แทรกตัวอยู่ในทราย หรือขุดทรายฝังตัวอยู่ เมื่อน้ำทะเลท่วมมาถึง ก็อ้าปากกินแพลงตอนที่ลอยมากับน้ำทะเล 
สัตว์ทะเลที่หาดทรายส่วนใหญ่ได้แก่ หอย มีทั้งหอยสองฝาและหอยฝาเดียวกับมีปูบางชนิด แมงกะพรุนซึ่งปกติล่องลอยอยู่ในทะเลก็อาจถูกคลื่นซัดให้ขึ้นมาเกยกองอยู่บนหาดให้เห็น เปลือกหอยนานาชนิดที่กองเกลื่อนอยู่บนพื้นทรายแสดงให้เห็นเด่นชัดว่าใต้ทรายเป็นที่อาศัยของหอยเหล่านี้ขณะเมื่อยังมีชีวิตหอยที่หาพบได้ง่ายตามหาดทรายก็มี หอยทับทิม หอยเสียบ ส่วนปู ก็มีปูลม ปูทหาร ปูเสฉวน นอกจากนี้ยังมีหนอนทะเลขุดรูฝังตัวอยู่ในทรายอีกด้วย 
สัตว์ทะเลที่ดุร้ายและเป็นพิษ สัตว์ทะเลที่ดุร้ายและเป็นพิษ เป็นอันตรายแก่คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวประมงนั้นมีอยู่หลายชนิด ฉลามได้ชื่อว่าเป็นเสือร้ายแห่งทะเล เพราะเป็นปลาที่กระหายเลือด ถึงขนาดว่ายรี่เข้าใส่คนเพื่อจะกินเป็นอาหาร ฉลามมีฟันแหลมคมและมีกำลังมาก เมื่อกัดแล้วใช้กำลังกระชากทำให้เนื้อขาดหลุดออก ฉลามมีอยู่ในทะเลทั่วทุกแห่ง และเป็นปลาที่ชาวเรือทั้งหลายหวั่นเกรงมาก
นอกจากฉลามแล้ว สัตว์ทะเลที่ดุร้ายและอาจเป็นอันตรายอีกอย่างหนึ่งได้แก่ ปลาฉนาก ซึ่งมีปากยาวแหลม มีฟันคมยื่นออกมาทั้งสองข้าง ปลาฉลากใช้ปากฟาดฟันศัตรูให้เป็นแผลเหวอะหวะแมงกะพรุนไฟก็เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่มีพิษ ถ้าว่ายน้ำไปถูกตัวแมงกะพรุนไฟเข้าจะทำให้เกิดเป็นแผลเน่าที่รักษาได้ยาก แต่ไม่เป็นอันตรายถึงตายปลาจำพวกปลาไฟฟ้า เป็นปลาที่เป็นอันตรายเช่นกัน ปลาไฟฟ้าได้แก่ ปลากระเบนไฟฟ้าและปลาไหลไฟฟ้า ทั้งสองชนิดนี้ปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกายศัตรูทำให้สะดุ้งตกใจได้ ปลาไหลไฟฟ้าไม่มีในประเทศไทย งูทะเลที่กัดคนถึงตายมีหลายชนิด งูทะเลที่มีพิษร้ายแรงมากเช่น งูผ้าขี้ริ้ว งูปี่แก้วทะเล  และงูคออ่อน
ช่วยกันอนุรักษ์สัตว์ทะเล สัตว์ทะเลเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่จำเป็นและมีความสำคัญมากของมนุษย์ให้ทั้งอาหาร สิ่งมีค่า และเครื่องใช้มากมายหลายอย่างแก่เรา คิดเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท ดังนั้นเราจึงควรทำความรู้จักเพื่อถนอมใช้ทรัพยากรนี้อย่างฉลาดและติดตามรักษาให้คงมีอยู่ต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน ไม่ทำสิ่งที่เป็นอันตรายร้ายแรง จนเป็นสาเหตุให้สัตว์ทะเลต้องสูญพันธุ์หมดไป แต่ควรช่วยกันอนุรักษ์สัตว์ทะเลโดยไม่ทิ้งขยะเกลื่อนกลาดไว้ตามหาดทราย แต่ควรช่วยกันดูแลรักษาหาดทรายให้สะอาด เพราะขยะนั้นเมื่อสะสมกันอยู่มากขึ้น ก็จะไหลเลื่อนลงไปอยู่ในทะเล ทำให้น้ำเสีย ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลบางชนิดไม่ได้อีกต่อไป และทำให้สัตว์ทะเลที่เคยมีอยู่ในบริเวณนั้นต้องตายไปเป็นจำนวนมากการปล่อยน้ำเสียหรือน้ำทิ้งจากอาคารบ้านเรือน ร้านอาหาร หรือโรงแรมที่ตั้งอยู่ริมทะเลลงในทะเล เป็นสิ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เกิดผลเสียต่อสัตว์ทะเล ดังเช่นที่กล่าวไว้ข้างต้นด้วยเช่นกันไม่ทำลายป่าชายเลนให้หมดไป โดยการนำพื้นที่ป่ามาทำนากุ้ง หรือทำอย่างอื่นจนหมดไป เพราะป่าชายเลนเป็นแหล่งธรรมชาติที่ให้ประโยชน์ทั้งแก่มนุษย์และสัตว์ทะเล โดยป่าชายเลนช่วยต้านพายุจากทะเลไว้มิให้ก่อให้เกิดอันตรายรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนบนแผ่นดินป่าชายเลนให้ไม้สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงและทำเครื่องเรือนเครื่องใช้ป่าชายเลนเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ทะเลนานาชนิดทั้งกุ้ง หอย ปู และปลาป่าชายเลนเป็นที่วางไข่และแหล่งที่อยู่ของตัวอ่อนของสัตว์ทะเล
ไม่ทำลายปะการังให้แตกหักเสียหาย เพราะแนวปะการังนั้นเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่ามหาศาล เป็นแหล่งอาหาร ที่อยู่อาศัย และที่หลบภัยของบรรดาสัตว์ทะเลมากมายหลายชนิด จึงไม่ควรทำลายปะการัง โดย
ไม่เก็บหรือหักชิ้นส่วนของปะการังขึ้นมาจากทะเลเพื่อไว้ดูเล่น
ไม่ใช้ระเบิดจับปลาอันเป็นการทำลายทั้งปลาและปะการังทุกชนิดให้หมดสิ้นไปในพริบตาไม่ทิ้งสมอเพื่อจอดเรือในแนวปะการังทำให้ปะการังหักเสียหาย
ไม่ก่อสร้างโรงแรมและที่พักติดทะเลทำให้น้ำเสียเป็นเหตุให้ปะการังตาย แนวปะการังเป็นอาณาจักรอันงดงามใต้ทะเล ตัวปะการังน้อยๆต้องใช้เวลานับพันปีกว่าจะช่วยกันสร้างแนวปะการังได้หนาเพียงไม่กี่เมตร
งดจับปลาทูในฤดูปลาวางไข่ คือ ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปีเพื่อเปิดโอกาสให้ปลาทูได้มีโอกาสแพร่พันธุ์และเติบโตต่อไป
ไม่ฆ่าเต่าทะเล ไม่กินเนื้อเต่าทะเล ไม่เก็บไข่เต่า และไม่กินไข่เต่าทะเล เพื่ออนุรักษ์เต่าทะเลที่มีจำนวนลดน้อยลงไปมาก บางคนเข้าใจอย่างผิดๆว่า ไข่เต่าทะเลมีคุณค่าทางอาหารมาก แท้จริงแล้วมิได้เป็นเช่นนั้น ไข่เป็ด ไข่ไก่ มีคุณค่าทางอาหารพอๆกับไข่เต่าทะเล
ไม่เก็บรังนกนางแอ่นกินรัง มากเกินกว่าสองครั้งตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อปล่อยให้แม่นกพ่อนกมีโอกาสสร้างรังและวางไข่ จะได้ไม่สูญพันธุ์หมดไป รังนกนางแอ่นทำจากน้ำลายของนก ซึ่งไม่มีคุณค่าทางอาหารมากเกินกว่าเนื้อปลา
ไม่จับพะยูน ไม่ฆ่าพะยูนและไม่เกินเนื้อพะยูนซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่เหลืออยู่ในโลกเพียงเล็กน้อย แต่กินปลาแทน